อยากได้สิทธิประโยชน์จากบีโอไอ สมัครอย่างไร

บีโอไอ ประเทศไทย

ราชอาณาจักรไทยที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 2 ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญของประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือที่รู้จักกันในชื่อ “ประตูแห่งเอเชีย” เนื่องจากเป็นทำเลที่ตั้งเชิงยุทธศาสตร์ที่มีผู้บริโภคหลายล้านคน มีเส้นทางเชื่อมต่อไปมาหาสู่กันได้อย่างดีเยี่ยมจากประเทศที่เติบโตอย่างรวดเร็วอื่น ๆ และนั่นก็เป็นปัจจัยที่ช่วยดึงดูดนักลงทุนจากทั่วโลก

ประเทศไทยดึงดูดนักลงทุน ไม่เพียงเพราะความได้เปรียบในเรื่องของทำเลที่ตั้งเท่านั้น แต่ยังเป็นเรื่องของสิทธิประโยชน์อื่น ๆ อีกมากมายที่ประเทศไทยเสนอให้กับนักลงทุนต่างชาติเพื่อทำให้เป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางการลงทุนที่น่าดึงดูดที่สุด และหนึ่งในนั้นเป็นกลยุทธ์ที่ประสบความสำเร็จ โดย คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ) ของประเทศไทย ที่ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2540

สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ)

สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ บีโอไอ ของประเทศไทย จัดตั้งขึ้นโดยรัฐบาลไทย โดยมีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมให้นักลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศที่ยินดีและสนใจในการลงทุน เข้ามาลงทุนในกิจกรรมทางธุรกิจที่ได้รับการส่งเสริมของประเทศ ให้โอกาสนักลงทุนต่างประเทศได้ประโยชน์จากสิทธิประโยชน์หรือสิทธิพิเศษที่เสนอ รวมถึงความสามารถในการเป็นเจ้าของที่ดิน (ซึ่งว่ากันว่า ต่างชาติไม่สามารถเป็นเจ้าของที่ดินได้)

ในทางกลับกัน ประเทศไทยก็จะได้รับประโยชน์จากความไว้วางใจของนักลงทุนต่างชาติต่อบีโอไอด้วย เช่น (1) มีการขยายโอกาสการลงทุนในประเทศให้กว้างขึ้น (2) มีการนำนวัตกรรมและความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีมาใช้ในประเทศ (3) มีการกระจายอำนาจและมีการเติบโตทางเศรษฐกิจในประเทศ

สำหรับนักลงทุนหรือผู้ประกอบการต่างชาติที่ต้องการนำธุรกิจของตนเข้ารับการส่งเสริมการลงทุนจากบีโอไอ ก็สามารถทำได้หากคุณสมบัติครบถ้วน

สิทธิพิเศษบีโอไอ

การที่ต่างชาติก็สามารถเป็นเจ้าของที่ดินได้เมื่ออาศัยอยู่ในประเทศไทยนั้น ถือว่าเป็นความคืบหน้าครั้งสำคัญ หลายคนบอกว่า ต่างชาติไม่สามารถเป็นเจ้าของที่ดินในประเทศไทยได้ แต่การเป็นเจ้าของที่ดินไม่ใช่สิทธิพิเศษเพียงอย่างเดียวที่จะได้รับ เมื่อเป็นเจ้าของบริษัทหรือธุรกิจที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนจากบีโอไอแล้ว บริษัทจะได้รับสิทธิประโยชน์อะไรอีกบ้าง เช่น สิทธิพิเศษทั้งทางภาษี และอื่น ๆ ที่ไม่ใช่ภาษี

สิทธิประโยชน์ทางภาษีของบีโอไอ

  • ลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคล 50%
  • ยกเว้น/ลดอากรนำเข้าเครื่องจักร
  • ลดหย่อนภาษีนำเข้าวัตถุดิบหรือวัสดุจำเป็น
  • ได้รับการยกเว้นอากรนำเข้าวัสดุที่นำเข้าเพื่อการวิจัยและพัฒนา
  • ลดค่าขนส่ง ค่าไฟฟ้า และค่าน้ำประปาเป็นสองเท่า
  • ลดค่าใช้จ่ายในการติดตั้งหรือก่อสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกลงเพิ่มอีก 25% 
  • ยกเว้นอากรขาเข้าวัตถุดิบหรือวัสดุจำเป็นที่นำเข้าเพื่อใช้ในการผลิตเพื่อการส่งออก
  • ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับกำไรสุทธิและเงินปันผลที่ได้จากกิจการที่ได้รับการส่งเสริม

สิทธิประโยชน์ที่ไม่ใช่ภาษีของบีโอไอ

  • อนุญาตให้สามารถถือกรรมสิทธิ์ที่ดินได้
  • อนุญาตให้นำเงินออกหรือส่งเงินไปต่างประเทศเป็นเงินตราต่างประเทศได้
  • อนุญาตให้คนต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักรเพื่อศึกษาโอกาสการลงทุนได้
  • อนุญาตให้นำแรงงานมีฝีมือและผู้เชี่ยวชาญเข้ามาทำงานในกิจการที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนได้

อีกประการหนึ่ง คือการที่บริษัทที่ได้รับสิทธิประโยชน์ทางบีโอไอนั้นจะทำให้เจ้าของกิจการมีสิทธิเป็นเจ้าของบริษัทได้ 100% ในประเทศไทย ซึ่งจะแตกต่างจากวิธีการเป็นเจ้าของบริษัทหรือจดทะเบียนธุรกิจในประเทศไทยแบบทั่วไป ซึ่งเจ้าของกิจการต่างชาติถือหุ้นได้เพียง 49% และที่เหลืออีก 51% เป็นคนไทยที่ถือหุ้น

สมัครเข้ารับสิทธิประโยชน์จากบีโอไอได้อย่างไร

หากสนใจสมัครเข้ารับสิทธิประโยชน์จากบีโอไอ แนะนำให้ศึกษาขั้นตอนดังต่อไปนี้:

1. ศึกษาศักยภาพในการประกอบธุรกิจของบริษัท (จัดทำแผนธุรกิจและแผนโครงการ)

ก่อนการจัดเตรียมเอกสารเพื่อยื่นขอรับสิทธิประโยชน์จากบีโอไอทั้งหมด บริษัทต้องเตรียมรายละเอียดเกี่ยวกับตัวบริษัท หลักฐานแสดงตัวตนของบริษัท ชื่อบริษัท วิสัยทัศน์ พันธกิจ และเตรียมข้อมูลว่าบริษัทกำลังทำธุรกิจอะไร หลังจากเตรียมรายละเอียดทั้งหมดแล้ว บริษัทจะต้องระบุสินค้าและบริการของบริษัท ไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์หรือบริการใดก็ตาม เตรียมข้อมูลให้พร้อมว่า บริษัทจะดำเนินกิจการอย่างไร จะประกอบธุรกิจให้ประสบความสำเร็จได้อย่างไร จะประสบความสำเร็จจากการดำเนินธุรกิจในประเทศไทยหรือไม่

ทั้งนี้ ให้เจ้าของธุรกิจคิดมาล่วงหน้าและจัดระเบียบความคิดให้ชัดเจน นอกจากนี้ ให้ตรวจสอบและศึกษาเพิ่มเติมว่า ธุรกิจหรือบริษัทที่จะสมัครเข้ารับสิทธิประโยชน์นั้นอยู่ในกิจกรรมทางธุรกิจที่มีสิทธิ์ได้รับสิทธิประโยชน์จากการส่งเสริมบีโอไอหรือไม่

2. การยื่นเอกสารเพื่อสมัครและการนำเสนอด้านธุรกิจ

หากประเมินแล้วเห็นว่า บริษัทมีศักยภาพที่จะทำธุรกิจได้ในตลาดไทย ให้ทนายความจัดเตรียมแบบฟอร์มให้กรอก และเตรียมเอกสารตามแผนธุรกิจและเอกสารโครงการต่าง ๆ รวมถึงข้อเสนอแนะการศึกษาความเป็นไปได้ต่าง ๆ จากนั้น ทนายความจะยื่นแบบฟอร์มใบสมัครไปยังสำนักงานบีโอไอ และจะกำหนดวัน เพื่อนำเสนอธุรกิจและแผนโครงการต่าง ๆ ไปที่บีโอไอ

ให้เตรียมพร้อมกับการนำเสนอโครงการตามที่จัดเตรียม เพราะในส่วนนี้จะเป็นส่วนที่เจ้าหน้าที่จะตัดสินใจว่า แผนธุรกิจของบริษัที่ยื่นขอสิทธิประโยชน์เข้ามานั้นได้รับการอนุมัติหรือไม่ ให้สร้างความประทับใจ และแสดงเจตนารมณ์ในการทำธุรกิจให้ชัดเจน

3. การอนุมัติและการยอมรับข้อกำหนดของบีโอไอ

หากแผนธุรกิจได้รับการอนุมัติซึ่งจะได้รับหลังจากการนำเสนอกิจกรรมทางธุรกิจและแผนทางธุรกิจไปแล้ว 7 วันทำการ บีโอไอจะจัดส่งเงื่อนไข สิทธิพิเศษ และสิทธิประโยชน์ที่เจ้าหน้าที่จะมอบให้กับธุรกิจที่สมัครเข้ามาขอรับสิทธิประโยชน์ เมื่อได้รับการอนุมัติอย่างเป็นทางการเรียบร้อยแล้ว ผู้ยื่นคำขอจะต้องกรอกใบตอบรับการเข้ารับการส่งเสริมและสนับสนุนในสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ หรือส่งกลับให้บีโอไอภายใน 30 วัน

หากไม่ส่งกลับภายใน 30 วัน จะต้องส่งจดหมายชี้แจงว่า เหตุใดธุรกิจจึงไม่ส่งแบบฟอร์มตรงเวลา ทั้งนี้ สำนักงานบีโอไอจะสามารถขยายระยะเวลาในการแจ้งให้ 30 วัน

4. จดทะเบียนบริษัทบีโอไอ

สำหรับผู้ที่ประสงค์จะขอรับหนังสือรับรองเพื่อขอรับการส่งเสริมการลงทุนจากบีโอไอ ให้เริ่มจัดตั้งบริษัทในประเทศภายใน 6 เดือน นับแต่วันที่ได้รับอนุมัติจากบีโอไอเรียบร้อยแล้ว และในขณะเดียวกัน ให้ส่งเอกสารตามรายการด้านล่างไปยังสำนักงานบีโอไอ:

  • แบบฟอร์มขอรับการส่งเสริมการลงทุนจากบีโอไอ
  • รายชื่อผู้ถือหุ้น
  • ข้อตกลงแฟรนไชส์
  • หนังสือบริคณห์สนธิ
  • หนังสือรับรองการจดทะเบียนบริษัท
  • แบบฟอร์มแจ้งรายละเอียดข้อกำหนดด้านทรัพยากรบุคคล
  • หลักฐานการโอนเงินจากต่างประเทศ หรือ หนังสือรับรองการลงทุนที่ออกโดยธนาคารแห่งประเทศไทย
  • สัญญาร่วมทุน (ข้อตกลง ใบอนุญาตหรือแฟรนไชส์ ​​สัญญาเพื่อรับการสนับสนุนทางเทคนิค สัญญาถ่ายทอดเทคโนโลยี)
  • หนังสือรับรองระบุทุนจดทะเบียน กรรมการผู้มีอำนาจลงนาม และที่อยู่จดทะเบียน

หากส่งแบบฟอร์มและเอกสารเหล่านี้ไม่ตรงเวลา บริษัทจะต้องส่งจดหมายอธิบายว่า เหตุใดจึงไม่สามารถปฏิบัติตามเงื่อนไขได้ตรงตามกำหนดเวลา ซึ่งมีความเป็นไปได้ที่ สำนักงานบีโอไอจะขยายกำหนดเวลาออกไปให้

5. ใบอนุญาตทำงานและวีซ่าภายใต้สิทธิประโยชน์ของบีโอไอ

ก่อนที่บริษัทจะสามารถจ้างกรรมการและพนักงานชาวต่างประเทศได้ บริษัทจะต้องลงทะเบียนใน “ระบบ e-expert” เสียก่อน โดยจะช่วยให้บริษัทที่ประสงค์จะขอรับการสนับสนุนการลงทุนจากบีโอไอนั้นสามารถขออนุมัติให้สามารถจ้างพนักงานที่ได้รับใบอนุญาตให้เข้ามาทำงานในบริษัทได้

เมื่อได้รับการอนุมัติแล้ว ผู้สมัครสามารถดำเนินการขอวีซ่าและใบอนุญาตทำงานของกรรมการและพนักงานดังกล่าวได้ผ่านศูนย์บริการ BOI One-Stop Service Center (OSOS)

6. การปฏิบัติตามระเบียบของบีโอไอและการแจ้งเรื่องต่าง ๆ

ภายหลังจากการหนังสือรับรองการส่งเสริมการลงทุนจากบีโอไอแล้ว มีเงื่อนไขที่บริษัทต้องปฏิบัติตามและต้องแจ้งความคืบหน้าต่าง ๆ ต่อบีโอไอ ต่อไปนี้จะเป็นเงื่อนไขที่บริษัทจะต้องปฏิบัติตาม:

  • เมื่อรับสิทธิประโยชน์จากภาษีและศุลกากรโดยจ่ายภาษีน้อยลงเมื่อต้องนำเข้าเครื่องจักรและอุปกรณ์ (ภายใน 30 เดือน)
  • การก่อสร้างโรงงานจะต้องแล้วเสร็จ ติดตั้งเครื่องจักรและอุปกรณ์ และโรงงานจะต้องพร้อมดำเนินการ (ภายใน 36 เดือน)
  • หากจำเป็นต้องหยุดดำเนินการนานกว่าสองเดือน บริษัทจะต้องขออนุมัติจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
  • ก่อนที่บริษัทที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนจะสามารถจำนอง ขาย ให้เช่า หรือโอนเครื่องจักรที่นำเข้าโดยปลอดภาษีหรือในอัตราที่ลดลงได้นั้น ทางสำนักงานบีโอไอจะต้องออกใบอนุญาตอย่างเป็นทางการเป็นลายลักษณ์อักษรก่อน การอนุญาตให้ใช้เครื่องจักรเพื่อการใช้งานที่ไม่ได้รับการอนุมัติจะต้องได้รับการรับรองด้วย

หากบริษัทไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขและไม่มีคำอธิบายถึงปัญหาที่เกิดขึ้นต่อสำนักงานบีโอไอได้ สำนักงานบีโอไออาจเพิกถอนการให้การสนับสนุนด้านการลงทุนได้เช่นกัน 

7. การทำบัญชีของบีโอไอ

บีโอไอมีกฎเกณฑ์ที่เข้มงวดต่อบริษัทต่าง ๆ ที่ได้รับสิทธิประโยชน์เพื่อการลงทุนจากบีโอไอ  โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของระเบียบทางบัญชีและกระบวนการในการรายงานข้อมูลต่าง ๆ นอกเหนือจากการรายงานทั่วไปหรือเบื้องต้นเกี่ยวกับการส่งเงินสมทบประกันสังคม ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีหัก ณ ที่จ่าย และการตรวจสอบบัญชีจะขึ้นอยู่กับประเภทของหมวดหมู่ของการส่งเสริมการลงทุนที่ได้รับ โดยบริษัทจะต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดและเงื่อนไขเฉพาะ และเจ้าหน้าที่กรมสรรพากร และบีโอไอจะติดตามตรวจสอบด้วย

ทั้งนี้ ธุรกิจที่ประสงค์จะขอรับการส่งเสริมการลงทุนจากบีโอไอจะต้องให้ทนายความที่มีประสบการณ์เป็นผู้เตรียมและยื่นเอกสารต่าง ๆ ให้ โดยกระบวนการนั้นจะนานมาก และผู้ประกอบการก็จะต้องใช้ความอดทนและความเอาใจใส่อย่างมากด้วยเช่นกัน เพื่อให้ได้รับการสนับสนุนจากบีโอไอโดยปราศจากปัญหาใด ๆ และด้วยบริการจากผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์สูง ผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้สามารถแนะนำสิ่งที่ต้องทำและแจ้งให้ทราบว่า มีกฎระเบียบที่จะต้องปฏิบัติตามในกระบวนการใดบ้าง หากไว้วางใจให้ผู้เชี่ยวชาญดำเนินการยื่นขอรับการส่งเสริมการลงทุนจากบีโอไอให้ ทุกอย่างก็จะง่ายสำหรับผู้ประกอบการชาวต่างชาติ

Category: กฎหมายธุรกิจ, บีโอไอ ประเทศไทย

About the Author (Author Profile)

สยาม ลีเกิ้ล เป็นสำนักงานกฎหมายระหว่างประเทศซึ่งประกอบไปด้วยทนายความผู้มีประสบการณ์ทั้งกฎหมายไทยและกฎหมายต่างประเทศ สำนักงานในประเทศไทยนี้ให้บริการทางกฎหมายอย่างครอบคลุมต่อลูกความท้องถิ่นและต่างประเทศสำหรับคดีความ เช่น คดีแพ่งและอาญา ข้อพิพาททางแรงงาน คดีทางการค้า การหย่า การรับเป็นบุตร การส่งผู้ร้ายข้ามแดน ฉ้อโกง และคดีเกี่ยวกับยาเสพย์ติด ความเชี่ยวชาญอีกด้านหนึ่งของสำนักงานคือ บริการเกี่ยวกับกฎหมายบริษัท เช่น การจดทะเบียนบริษัท และการส่งเสริมการลงทุนในประเทศไทย กฎหมายครอบครัว ทรัพย์สิน และการสืบสวนส่วนบุคคล

Search the blog