ข้อจำกัดในการปฏิบัติทางการค้าที่ไม่เป็นธรรมในธุรกิจแฟรนไชส์
นายสันติชัย สันตะวันภาส กรรมาธิการ สำนักงานคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า (สคท) ได้ประกาศเมื่อเดือนที่แล้วว่า แนวปฏิบัติใหม่เกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติทางการค้าที่ไม่เป็นธรรมของธุรกิจแฟรนไชส์จะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2563 เป็นต้นไป โดยกล่าวว่าการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างหลักธรรมาภิบาลที่ดี การสร้างมาตรฐานการดำเนินธุรกิจ และปกป้องผู้ถือแฟรนไชส์รายย่อยจากรายใหญ่
ปัจจุบันประเทศไทยไม่มีกฎหมายแฟรนไชส์เฉพาะเพื่อควบคุมธุรกิจ กฎหมายและข้อบังคับที่แตกต่างกันมากกว่า 10 ฉบับมีวัตถุประสงค์เพื่อควบคุมการจัดตั้งและการดำเนินธุรกิจแฟรนไชส์ สาระสำคัญของแนวทางใหม่คือการยับยั้งแฟรนไชส์จากการซื้อสินค้าหรือวัตถุดิบที่ไม่เกี่ยวข้องกับธรรมชาติของผลิตภัณฑ์เกินกว่าที่จำเป็นจริง เรียกร้องเงื่อนไขพิเศษและไม่สมเหตุสมผลภายหลังการลงนามในสัญญา และห้ามซื้อสินค้าหรือบริการจากผู้ให้บริการ ผู้จัดจำหน่าย หรือผู้ผลิตรายอื่น
แนวทางใหม่จะห้ามการกำหนดเงื่อนไขต่าง ๆ อันอาจนำไปสู่การดำเนินธุรกิจที่ไม่เป็นธรรม โดยธุรกิจต่าง ๆ อาจบังคับให้แฟรนไชส์ซอร์เสนอส่วนลดและเงื่อนไขแก่แฟรนไชส์ซีอย่างเท่าเทียมทั้งหมดของตน ธุรกิจต่าง ๆ อาจห้ามเงื่อนไขอื่น ๆ ที่ไม่ยุติธรรมและไม่เหมาะสม และกำหนดเงื่อนไขว่าด้วยความโปร่งใสและความเป็นธรรม ซึ่งปกติแล้วธุรกิจต่าง ๆ จะต้องเปิดเผยข้อมูลทางธุรกิจที่สำคัญ เช่น ค่าชดเชย ค่าใช้จ่าย สิทธิ์ในเครื่องหมายการค้า การเพิกถอนใบอนุญาตของแฟรนไชส์ซี แผนธุรกิจ และการต่อสัญญาแก่แฟรนไชส์ซีก่อนที่จะมีการเซ็นสัญญากัน คณะกรรมาธิการกล่าวเพิ่มเติมว่า แฟรนไชส์ซอร์จะต้องแจ้งให้ผู้ที่อยู่ในพื้นที่ประกอบธุรกิจทราบก่อนที่จะจัดตั้งสาขาของตนในพื้นที่ดังกล่าว
แฟรนไชส์ซีในพื้นที่ที่กำหนดจะได้รับสิทธิพิเศษในการเปิดสาขาใหม่ในพื้นที่ด้วย นายสันติชัยกระตุ้นให้ผู้ประกอบการธุรกิจแฟรนไชส์ศึกษาแนวปฏิบัติใหม่นี้ให้ดี โดยเฉพาะการละเมิดมาตรา 57 แห่งพระราชบัญญัติการแข่งขันทางการค้า พ.ศ. ๒๕๖๐ การละเมิดข้อกำหนดจำเพาะนี้อย่างเดียวก็มีค่าปรับทางปกครอง 10% จากรายได้ต่อปีของธุรกิจสำหรับปีที่ละเมิด นายกบุญประเสริฐ ปูปาน นายกสมาคมแฟรนไชส์และไลเซนต์แห่งประเทศไทย ออกมากล่าวในฐานะสมาคมว่า เห็นด้วยกับแนวทางปฏิบัติใหม่ อย่างไรก็ตาม เขายื่นอุทธรณ์ต่อหน่วยงานกำกับดูแลแนวทางดังกล่าวให้เพิ่มฉบับแปลเป็นภาษาไทยเพื่อให้เกิดความเข้าใจระหว่างแฟรนไชส์ซอร์ทางธุรกิจในท้องถิ่นด้วย ตลอดจนรับประกันความสมดุลของผลประโยชน์ระหว่างทั้งสองฝ่าย
ปัจจุบัน ประเทศไทยมีผู้ประกอบการธุรกิจแฟรนไชส์ 531 แบรนด์ ผลงานอันทรงคุณค่าของดร.เดือนเด่น นิคมบริรักษ์ นักเศรษฐศาสตร์ชื่อดังผู้ล่วงลับไปแล้ว จากสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) ได้ให้ข้อมูลและข้อมูลเชิงลึกอันน่าตกตะลึงเกี่ยวกับสาเหตุที่ฝังลึกของการคอร์รัปชั่นทางธุรกิจ การผูกขาด และแนวทางปฏิบัติทางการค้าที่ไม่เป็นธรรมในประเทศไทย เธอได้เปิดเผยจุดอ่อนของพระราชบัญญัติการแข่งขันทางการค้าปี พ.ศ. 2542 และความล้มเหลวในการบังคับใช้ โดยเฉพาะความล้มเหลวในการป้องกันการสมรู้ร่วมคิด การปฏิบัติทางการค้าที่ไม่เป็นธรรม และการครอบงำตลาด ความล้มเหลวเหล่านี้นำไปสู่นโยบายการค้าที่ไม่เป็นธรรมและการผูกขาดที่แพร่หลายมานานหลายปี ดร.เดือนเด่น อธิบายว่า ตัวแทนภาคธุรกิจและรัฐบาลประกอบด้วยคณะกรรมการที่ได้รับการแต่งตั้งให้ดำเนินการตามกฎหมาย โดยที่ธุรกิจขนาดเล็กไม่สามารถแข่งขันกับนักลงทุนรายใหญ่ได้ และประชาชนเองก็มีตัวเลือกผลิตภัณฑ์และบริการที่จำกัด
คณะกรรมการที่ได้รับการแต่งตั้งให้บังคับใช้กฎหมายประกอบด้วยตัวแทนธุรกิจและหน่วยงานภาครัฐที่มีส่วนได้ส่วนเสียกัน ดร.เดือนเด่นเปิดเผยความจริงนี้อย่างไม่หยุดยั้งจนก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่นำไปสู่การร่างและขับเคลื่อนกฎหมายการแข่งขันทางการค้าฉบับใหม่ในเดือนตุลาคม 2560
แนวทางใหม่
แนวทางใหม่ประกอบด้วยข้อกำหนดจากบทบัญญัติในกฎหมายและข้อบังคับอื่น ๆ ที่มีอยู่ ได้แก่ พระราชบัญญัติข้อกำหนดสัญญาที่ไม่เป็นธรรม กฎกระทรวง มาตรา 25 แห่งพระราชบัญญัติสิทธิบัตร และประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจแฟรนไชส์ที่มีมายาวนาน อาจแก้ไขการตีความของกฎกระทรวงนี้ โดยเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวกับข้อจำกัดต่าง ๆ หากร่างดังกล่าวผ่านร่างและออกเป็นกฎหมาย
ภาระผูกพันที่สำคัญสองประการ
แฟรนไชส์ซอร์จะต้องเปิดเผยข้อมูลสำคัญทั้งหมดเกี่ยวกับธุรกิจแฟรนไชส์ของตน และก่อนทำข้อตกลงใด ๆ แฟรนไชส์ซอร์จะต้องถ่ายทอดรายละเอียดที่เกี่ยวกับค่าลิขสิทธิ์ และการชำระค่าดำเนินการภาคบังคับอื่น ๆ สำหรับธุรกิจ รูปแบบธุรกิจของธุรกิจแฟรนไชส์ สิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาของธุรกิจ ถ้ามี และระยะเวลา การบอกเลิก และการต่ออายุสัญญา
แฟรนไชส์ซอร์จะต้องให้สิทธิแก่แฟรนไชส์ซีในการปฏิเสธในครั้งแรกและแจ้งให้แฟรนไชส์ซอร์ทราบ เพื่อแสดงให้เห็นภาพชัดเจนขึ้น หากแฟรนไชส์ซอร์มีความประสงค์ที่จะเปิดและดำเนินกิจการสาขาบริษัทของตัวเองในสถานที่ตั้งของแฟรนไชส์ซี ผู้ที่ทำธุรกิจในพื้นที่อยู่แล้วจะต้องเสนอสิทธิ์ในการทำธุรกิจแฟรนไซส์นั้นให้แก่แฟรนไชส์ซีรายนั้นก่อน นอกจากนี้ ห้ามมิให้แฟรนไชส์ซอร์กระทำการใด ๆ อันจะเป็นผลเสียหายต่อแฟรนไชส์ซีอีกด้วย เช่น
- กำหนดเงื่อนไขที่ไม่สมเหตุสมผล เช่น การบังคับแฟรนไชส์ซีให้ซื้อผลิตภัณฑ์หรือบริการบางอย่างแต่เพียงผู้เดียวซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับธุรกิจที่มีมาก่อนหน้า และจากแหล่งหรือผู้ประกอบการเฉพาะราย
- เพิ่ม เปลี่ยนแปลง หรือยกเลิกข้อตกลงที่ไม่สมเหตุสมผลหรือเป็นเพียงคำพูดในที่แฟรนไชส์ซอร์กำหนดให้แฟรนไชส์ซีต้องปฏิบัติตามหลังจากลงนามในข้อตกลงแล้ว
- ห้ามแฟรนไชส์ซีซื้อสินค้าหรือบริการจากผู้ประกอบการรายอื่นหรือผู้ผลิตสินค้าคุณภาพคล้ายกันในราคาที่ถูกกว่าโดยไม่มีเหตุผลอันสมควร
- ห้ามแฟรนไชส์ซีไม่ให้ส่วนลดในสินค้าที่เน่าเสียง่ายหรือมีวันหมดอายุใกล้เคียงโดยไม่มีเหตุผลอันสมควร
- เงื่อนไขการเลือกปฏิบัติที่เข้มงวดและไม่สมเหตุสมผลกับแฟรนไชส์ซี และกำหนดเงื่อนไขที่ไม่เหมาะสมอื่น ๆ ที่มุ่งบรรลุเป้าหมายนอกเหนือจากการรักษาชื่อเสียงและมาตรฐานของธุรกิจให้สอดคล้องกับข้อกำหนดในข้อตกลงที่ทำกันไว้
คำชี้แจงและการยกเว้น
อย่างไรก็ตาม กระทรวงพาณิชย์ได้ประกาศว่า ธุรกิจบริการจากต่างประเทศ 3 ประเภทหรือชนิดนั้นจะได้รับการยกเว้นโดยไม่ต้องขอใบอนุญาต ตามกฎกระทรวง ข้อ 4 ว่าด้วยเรื่องดังกล่าวให้กระทำระหว่างนิติบุคคลที่จะทำข้อตกลงทางธุรกิจที่ได้รับความเห็นชอบว่ามีสิทธิได้รับการยกเว้น ได้แก่ ธุรกิจให้เช่าพื้นที่สำนักงาน ธุรกิจขยายสินเชื่อในประเทศ และธุรกิจให้คำปรึกษาต่าง ๆ โดยธุรกิจบริการให้คำปรึกษาจะครอบคลุมในด้านการบริหารและการจัดการ ทรัพยากรบุคคล เทคโนโลยีสารสนเทศ หรือการตลาด
กฎกระทรวงฉบับที่ 4 ชี้แจงด้วยว่า ความสัมพันธ์ที่มีสิทธิในการประกอบธุรกิจเหล่านี้ระหว่างนิติบุคคลต้องเป็นไปตามข้อกำหนดอย่างน้อยหนึ่งข้อดังต่อไปนี้
- ฝ่ายหนึ่งจะต้องประกอบด้วยจำนวนผู้ถือหุ้นเกินครึ่งของจำนวนผู้ถือหุ้นร่วมกันทั้งหมด หรือมีหุ้นส่วนในสัดส่วนที่เท่ากัน
- ผู้ถือหุ้นหรือหุ้นส่วนของนิติบุคคลหนึ่งต้องถือหุ้นและมีสิทธิบริหารจัดการทุนของนิติบุคคลนั้นและของนิติบุคคลอื่นไม่น้อยกว่าร้อยละ 25
- หนึ่งในนั้นต้องเป็นผู้ถือหุ้นหรือหุ้นส่วนที่ดูแลหรือมีสิทธิบริหารจัดการทุนอย่างน้อยร้อยละ 25 ของนิติบุคคลอื่น หรือ
- กรรมการหรือหุ้นส่วนของนิติบุคคลหนึ่งต้องใช้อำนาจควบคุมกิจการของตนและนิติบุคคลอื่นในสัดส่วนเดียวกันเกินกึ่งหนึ่ง
ข้อจำกัดในการยกเว้นสินเชื่อในประเทศ
ธุรกิจต่างชาติควรใส่ใจในเรื่องการเปลี่ยนแปลงการดำเนินการว่าด้วยตามข้อยกเว้นนี้ คณะกรรมาธิการการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวได้พิจารณาอย่างรอบคอบถึงความน่าจะเป็นของผลกระทบด้านลบของสินเชื่อระหว่างประเทศในหมู่ธุรกิจต่างชาติด้วยกันที่มีต่อเศรษฐกิจของประเทศไทย
นอกจากนี้ ธุรกิจต่างชาติยังต้องระมัดระวังเรื่องความเสี่ยงในการเลี่ยงภาษี ซึ่งบริษัทธุรกิจแห่งใดแห่งหนึ่งอาจจ่ายเงินปันผลให้กับเงินกู้ที่ทำในประเทศต้นทางหรือสัญชาติของตน ดังนั้น แนวทางในการปฏิบัติใหม่เหล่านี้จะจำกัดการยกเว้นให้กับธุรกิจกู้ยืมเงินภายในประเทศเท่านั้น นอกจากนี้ บริษัทที่ให้เงินกู้หรือค้ำประกันแก่บริษัทในเครือหรือบริษัทในเครือที่อยู่นอกประเทศไทยจะต้องได้รับใบอนุญาตหรือใบรับรองการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวก่อนจึงจะสามารถทำได้
Category: กฎหมายธุรกิจ

About the Author (Author Profile)
สยาม ลีเกิ้ล เป็นสำนักงานกฎหมายระหว่างประเทศซึ่งประกอบไปด้วยทนายความผู้มีประสบการณ์ทั้งกฎหมายไทยและกฎหมายต่างประเทศ สำนักงานในประเทศไทยนี้ให้บริการทางกฎหมายอย่างครอบคลุมต่อลูกความท้องถิ่นและต่างประเทศสำหรับคดีความ เช่น คดีแพ่งและอาญา ข้อพิพาททางแรงงาน คดีทางการค้า การหย่า การรับเป็นบุตร การส่งผู้ร้ายข้ามแดน ฉ้อโกง และคดีเกี่ยวกับยาเสพย์ติด ความเชี่ยวชาญอีกด้านหนึ่งของสำนักงานคือ บริการเกี่ยวกับกฎหมายบริษัท เช่น การจดทะเบียนบริษัท และการส่งเสริมการลงทุนในประเทศไทย กฎหมายครอบครัว ทรัพย์สิน และการสืบสวนส่วนบุคคล