กฎหมายว่าด้วยบริษัทจำกัดไทย
ลักษณะและการจัดตั้งบริษัทจำกัด
มาตรา 1096 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ให้นิยาม บริษัทจำกัด ว่าเป็นบริษัทที่จัดตั้งขึ้นโดยมีทุนแบ่งออกเป็นหุ้นเท่า ๆ กัน และความรับผิดของผู้ถือหุ้นจะจำกัดอยู่เพียงจำนวนหุ้นที่ตนถือตามลำดับ บุคคลตั้งแต่สามคนขึ้นไปจะก่อตั้งและจัดตั้งบริษัทจำกัดได้โดยการเข้าชื่อในบันทึกข้อตกลง
ในการจัดตั้งบริษัทจำกัด ขั้นตอนแรก คือ การสำรองชื่อบริษัท ซึ่งดำเนินการทางออนไลน์ผ่านทางเว็บไซต์กรมพัฒนาธุรกิจการค้า (DBD) จากนั้น ชื่อบริษัทที่จองไว้จะอนุมัติภายใน 1-3 วัน กรมสรรพสามิตได้กำหนดหลักเกณฑ์ในการเลือกชื่อบริษัท ชื่อบางชื่อที่เกี่ยวข้องกับราชวงศ์ ชื่อกระทรวง และหน่วยงานของรัฐ ชื่อใด ๆ ก็ตามที่มีส่วนประกอบของคำว่าประเทศไทย ชื่อที่ใกล้เคียงกับชื่อบริษัทอื่น ชื่อที่ขัดต่อศีลธรรมอันดีของประชาชน และชื่อที่ทำให้เข้าใจผิด จะไม่ได้รับอนุญาต ชื่อบริษัทที่ได้รับการอนุมัติจะมีอายุการใช้งานเพียงสามสิบ (30) วันเท่านั้น เมื่อพ้นระยะเวลาดังกล่าวแล้วจะต้องจองชื่อบริษัทใหม่
เอกสารการจดทะเบียนประกอบด้วยหนังสือบริคณห์สนธิ และมีรายละเอียดดังต่อไปนี้:
- ชื่อของบริษัทจอง ตามด้วยคำว่า “จำกัด”
- ที่ตั้งสำนักงานจดทะเบียนบริษัทในราชอาณาจักร
- วัตถุประสงค์ของบริษัท ซึ่งระบุประเภทของกิจกรรมทางธุรกิจที่บริษัทจะจดทะเบียน
- หนังสือแสดงข้อมูลการจำกัดความรับผิดของผู้ถือหุ้น
- จำนวนทุนเรือนหุ้นที่บริษัทเสนอให้จดทะเบียนและแบ่งเป็นหุ้นในจำนวนคงที่ และ
- ชื่อ ที่อยู่ อาชีพ และลายเซ็นของผู้ก่อตั้ง และจำนวนหุ้นที่แต่ละคนจองซื้อ
หุ้นและผู้ถือหุ้น
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1105 บัญญัติว่า หุ้นจะออกในราคาที่ต่ำกว่าจำนวนที่กำหนดไม่ได้ อย่างไรก็ตาม การออกหุ้นในราคาที่สูงกว่าจำนวนที่ระบุนั้นสามารถทำได้ หากมีการระบุไว้ในบันทึกข้อตกลง การชำระค่าหุ้นครั้งแรกต้องไม่น้อยกว่าร้อยละยี่สิบห้าของจำนวนเงินที่ระบุ
หุ้นจะแบ่งแยกไม่ได้และมูลค่าหุ้นจะต้องไม่น้อยกว่าห้าบาท
ผู้ถือหุ้นที่จองซื้อหุ้นมีพันธะผูกพันโดยมีเงื่อนไขว่าจะจัดตั้งบริษัทขึ้นเพื่อชำระค่าหุ้นดังกล่าวให้แก่บริษัทตามจำนวนที่กฎหมายกำหนด ผู้ถือหุ้นจะได้รับใบหุ้นซึ่งลงนามโดยกรรมการของบริษัทและประทับตราของบริษัท ใบหุ้นต้องมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
- ชื่อบริษัท
- จำนวนหุ้นที่ใช้แบ่ง;
- จำนวนหุ้นสำหรับการแบ่งแต่ละครั้ง
- ในกรณีที่ชำระค่าหุ้นไม่ครบถ้วน ให้ชำระตามจำนวนหุ้นแต่ละหุ้น และ
- ชื่อผู้ถือหุ้นหรือข้อความว่าใบรับรองเป็นของผู้ถือ
โดยทั่วไปแล้ว ข้อกำหนดว่าด้วยเงินทุนขั้นต่ำก็คือจำนวนเงินควรเพียงพอในการดำเนินธุรกิจที่จดทะเบียน ในกรณีที่บริษัทมีกรรมการหรือพนักงานที่เป็นชาวต่างชาติและต้องมีใบอนุญาตทำงาน โดยต้องมีทุนขั้นต่ำ 2 ล้านบาท
เมื่อหุ้นมีโครงสร้างแล้ว จะมีการจัดประชุมตามกฎหมายขึ้นเพื่ออนุมัติข้อบังคับของบริษัทและเอกสารการจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจ (ข้อบังคับ) ของบริษัท และเลือกคณะกรรมการรวมทั้งแต่งตั้งผู้สอบบัญชี
ข้อบังคับบริษัท (ข้อบังคับ)
“ข้อบังคับบริษัท” เป็นข้อบังคับของบริษัทที่เกี่ยวข้องกับกิจการภายใน ซึ่งรวมถึงการจัดประเภทของหุ้นและสิทธิในการออกเสียงด้วย ข้อบังคับอาจระบุอำนาจกระทำการ และอำนาจลงนามของกรรมการในทุกเรื่องของบริษัทรวมทั้งการดำเนินงานในแต่ละวันด้วย
การบริหารจัดการของบริษัทจำกัด
บริษัทจำกัดทุกแห่งจะต้องอยู่ภายใต้การบริหารจัดการโดยกรรมการหนึ่งคน หรือกรรมการหลายคน ภายใต้การควบคุมของที่ประชุมผู้ถือหุ้น และตามข้อบังคับของบริษัทตามที่กำหนดไว้ในมาตรา 1144 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ กรรมการจะแต่งตั้งหรือถอดถอนได้โดยที่ประชุมใหญ่เท่านั้น
กรรมการมีความรับผิดชอบและพิจารณาในเรื่องดังต่อไปนี้:
- การชำระค่าหุ้นตามจริงของผู้ถือหุ้น
- การมีอยู่ และการรักษาสมุด และเอกสารตามที่กฎหมายกำหนดไว้อย่างสม่ำเสมอ
- การจ่ายเงินปันผลหรือดอกเบี้ยตามที่กฎหมายกำหนด และ
- การบังคับตามมติที่ประชุมใหญ่ให้ถูกต้อง
กรรมการต้องไม่ทำธุรกรรมทางการค้าอันมีลักษณะอย่างเดียวกันและเป็นการแข่งขันกับบริษัทโดยไม่ได้รับความยินยอมจากที่ประชุมผู้ถือหุ้น กรรมการอาจต้องรับผิดทางอาญาหากให้ข้อมูลเป็นเท็จในเอกสารราชการ ที่ได้ลงนามในนามบริษัท หรือการไม่ดำเนินการ เช่น การไม่ยื่นรายงานหรืองบดุลที่จำเป็นต้องยื่น ก็จะต้องรับผิดทางอาญาด้วย
การตรวจสอบบัญชีและผู้ตรวจสอบบัญชี
ตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 1208 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ผู้สอบบัญชีอาจเป็นผู้ถือหุ้นของบริษัทก็ได้ อย่างไรก็ตาม คนที่มีคุณสมบัติจะเป็นผู้สอบบัญชีก็ต้องเป็นผู้ที่มีคุณวุฒิและวัยวุฒิตรงและต้องไม่ใช่ผู้ถือหุ้นในธุรกรรมใด ๆ ของบริษัท และกรรมการ หรือตัวแทนอื่น ๆ หรือพนักงานของบริษัทใด ๆ ไม่ควรเป็นผู้สอบบัญชีในระหว่างที่มีตำแหน่งต่าง ๆ ในบริษัท
การตรวจสอบ
สำหรับผู้ถือหุ้นที่ถือหุ้นไม่น้อยกว่าหนึ่งในห้าของบริษัท ให้รัฐมนตรีผู้มีอำนาจแต่งตั้งผู้ตรวจสอบที่มีความสามารถจำนวนหนึ่งคนหรือหลายคนเข้ามาตรวจสอบกิจการของบริษัทจำกัดและให้รายงานการตรวจสอบนั้น ทั้งนี้ กรรมการ พนักงาน และตัวแทนของบริษัทมีหน้าที่ต้องเตรียมเอกสารทางบัญชีและเอกสารทั้งหมดที่อยู่ในความดูแลหรืออำนาจของตนแก่ผู้ตรวจสอบ ผู้ตรวจสอบคนใดอาจเข้าตรวจสอบกรรมการ ลูกจ้าง และตัวแทนของบริษัทเกี่ยวกับธุรกิจของบริษัทโดยสาบานตนก็ได้
การเพิ่มและลดทุน
บริษัทจำกัดสามารถเพิ่มทุนได้โดยการออกหุ้นใหม่ตามมติพิเศษ ห้ามมิให้จัดสรรหุ้นใหม่โดยชำระเต็มจำนวนหรือเรียกชำระแล้วบางส่วนอย่างอื่นนอกจากเป็นตัวเงิน เว้นแต่เป็นการลงมติพิเศษ หุ้นใหม่ทั้งหมดจะต้องเสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นตามสัดส่วนการถือหุ้นในปัจจุบัน
ในทำนองเดียวกัน บริษัทจำกัดอาจลดทุนโดยมติพิเศษได้โดยการลดขนาดหุ้นแต่ละหุ้น หรือลดจำนวนหุ้นก็ได้
ภาษีเงินได้นิติบุคคลและภาษีมูลค่าเพิ่ม
ภาษีเงินได้นิติบุคคลเรียกเก็บจากกำไรสุทธิตามหลักการทางบัญชีที่รับรองทั่วไปและตามเงื่อนไขที่อธิบายไว้ในประมวลรัษฎากรแห่งประเทศไทย ผู้เสียภาษีนิติบุคคลจะต้องจำไว้ว่า:
- การคืนภาษีทุกครั้งจะต้องแนบไปกับงบการเงินที่ตรวจสอบแล้ว
- จ่ายภาษีเงินได้ประจำปีพึงประเมินร้อยละ 50 ภายในสิ้นเดือนที่แปด
- หากไม่ชำระภาษีพึงประเมิน ผู้เสียภาษีจะถูกปรับ 20 % ของประมาณการกำไรสุทธิขาดไป
บุคคลหรือนิติบุคคลใดที่จัดหาสินค้าหรือให้บริการในประเทศไทยเป็นประจำและมีมูลค่าการซื้อขายต่อปีเกิน 1.8 ล้านบาท จะต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม การบริการจะถือว่ามีให้ในประเทศไทยหากให้บริการในประเทศไทยไม่ว่าจะใช้ที่ไหนหรือดำเนินการที่อื่นและใช้ในประเทศไทยก็ตาม
ผู้ชำระภาษีมูลค่าเพิ่มจะต้องยื่นแบบแสดงรายการภาษีมูลค่าเพิ่มรายเดือนและชำระภาษีทุกเดือน ภายในหรือก่อนวันที่สิบห้าของเดือนถัดไป
การไม่ลงทะเบียนเป็นผู้ชำระภาษีมูลค่าเพิ่ม ไม่ยื่นแบบแสดงรายการภาษีมูลค่าเพิ่ม หรือไม่ออกใบกำกับภาษีให้กับลูกค้า จะต้องเสียค่าปรับเป็นสองเท่าของจำนวนภาษีที่ต้องชำระ โดยจะมีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมรายเดือนเพิ่มเติมเป็นเปอร์เซ็นต์หากไม่ชำระภาษีมูลค่าเพิ่มจากภาษีที่ต้องชำระ นอกจากนี้ การผู้ที่ไม่ปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ภาษีมูลค่าเพิ่มมีโทษจำคุกสูงสุดถึงเจ็ดปี และปรับไม่เกิน 200,000 บาท
การยกเลิกกิจการ
บริษัทจำกัดย่อมเลิกกิจการได้ในกรณีดังต่อไปนี้ ตามมาตรา 1236 และ 1237 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
- ในกรณีที่เป็นไปตามข้อบังคับของบริษัท
- ในกรณีที่จัดตั้งบริษัทขึ้นเป็นระยะเวลาหนึ่ง โดยพ้นกำหนดเวลานั้นแล้ว
- ในกรณีที่จัดตั้งเป็นกิจการเดียว และต้องการยกเลิกกิจการนั้น
- ในกรณีมีมติพิเศษให้เลิกกิจการ
- ในกรณีที่บริษัทล้มละลาย
ศาลอาจสั่งยกเลิกกิจการได้ ด้วยเหตุดังต่อไปนี้
- ในกรณีที่ผิดนัดยื่นรายงานตามกฎหมายหรือในการประชุมตามกฎหมาย
- ในกรณีที่บริษัทไม่เริ่มประกอบกิจการภายในหนึ่งปีนับแต่วันที่จดทะเบียนหรือระงับการประกอบกิจการตลอดทั้งปี
- ในกรณีที่ธุรกิจของบริษัทดำเนินต่อไปได้แต่ขาดทุนต่อเนื่อง และไม่มีทีท่าว่าจะสามารถกลับมาทำกำไรได้
- ในกรณีที่จำนวนผู้ถือหุ้นลดลงเหลือน้อยกว่าสามคน
Category: กฎหมายธุรกิจ

About the Author (Author Profile)
สยาม ลีเกิ้ล เป็นสำนักงานกฎหมายระหว่างประเทศซึ่งประกอบไปด้วยทนายความผู้มีประสบการณ์ทั้งกฎหมายไทยและกฎหมายต่างประเทศ สำนักงานในประเทศไทยนี้ให้บริการทางกฎหมายอย่างครอบคลุมต่อลูกความท้องถิ่นและต่างประเทศสำหรับคดีความ เช่น คดีแพ่งและอาญา ข้อพิพาททางแรงงาน คดีทางการค้า การหย่า การรับเป็นบุตร การส่งผู้ร้ายข้ามแดน ฉ้อโกง และคดีเกี่ยวกับยาเสพย์ติด ความเชี่ยวชาญอีกด้านหนึ่งของสำนักงานคือ บริการเกี่ยวกับกฎหมายบริษัท เช่น การจดทะเบียนบริษัท และการส่งเสริมการลงทุนในประเทศไทย กฎหมายครอบครัว ทรัพย์สิน และการสืบสวนส่วนบุคคล