การขอมีถิ่นที่อยู่ถาวรในประเทศไทย (Thai PR)
หากชาวต่างชาติมีความประสงค์ที่จะอยู่ในประเทศไทยเป็นเวลานาน หรือแม้แต่ตลอดชีวิต โดยไม่ต้องกังวลว่าวีซ่าที่มีอยู่จะหมดอายุเมื่อไหร่ การขอมีถิ่นที่อยู่ในไทยถือเป็นวิธีหนึ่งที่ควรศึกษาและพิจารณา การมีถิ่นที่อยู่ถาวรจะทำให้ชาวต่างชาติที่อยู่ในประเทศไทยสามารถเป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ หรือเปิดบริษัทในไทยได้ง่ายดายขึ้น นอกจากนี้หากชาวต่างชาติต้องการที่จะแปลงสัญชาติเป็นไทย การได้รับอนุญาตให้มีถิ่นที่อยู่ถาวรเป็นช่องทางหนึ่งที่จะทำให้สามารถแปลงสัญชาติได้ในอนาคต
โควต้าประจำปี
การสมัครขอมีถิ่นที่อยู่ในไทยจะมีการประกาศโควต้า และช่วงเวลาเปิดรับคำร้องในแต่ละปี โดยปกติแล้วจะเปิดรับชาวต่างชาติ 100 คนต่อหนึ่งสัญชาติ และ 50 คนสำหรับผู้สมัครไร้สัญชาติ โดยมักจะเปิดรับคำร้องในช่วงเดือนตุลาคม หรือพฤศจิกายน จนถึงวันทำการสุดท้ายในเดือนธันวาคมของทุกปี
ในปี 2565 ที่ผ่านมา สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองได้เปิดรับคำร้องตั้งแต่วันที่ 17 ตุลาคม ถึงวันที่ 29 ธันวาคม อย่างไรก็ตามผู้สนใจควรเริ่มเตรียมตัวตั้งแต่เนิ่นๆเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการยื่นคำร้อง
ผู้สมัครจะต้องมีคุณสมบัติดังต่อไปนี้:
- ต้องถือหนังสือเดินทางที่มีตราประทับ Non-immigrant visa และได้รับอนุญาตให้อยู่ในประเทศไทยเป็นเวลาอย่างน้อย 3 ปีติดต่อกัน โดยมีการต่อวีซ่าเป็นรายปีจนถึงวันที่ยื่นใบคำร้อง
- ผู้สมัครที่มีอายุ 14 ปีขึ้นไปต้องผ่านการตรวจสอบประวัติอาชญากรรมโดยการพิมพ์ลายนิ้วมือ และกรอกประวัติ
- ผู้สมัครจะต้องเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับรายได้ ทรัพย์สิน ความรู้ด้านวิชาชีพ และฐานะความสัมพันธ์กับคนที่มีสัญชาติไทย หรือข้อมูลอื่นๆตามความเหมาะสม
- ผู้สมัครจะต้องสามารถพูด และเข้าใจภาษาไทยได้ในระดับหนึ่ง
ประเภทของการสมัคร
ผู้สมัครจะต้องเลือกยื่นใบสมัครหนึ่งประเภทจากประเภทคำร้องด้านล่างนี้ ตามแต่สถานการณ์ของผู้สมัครแต่ละท่าน
- ประเภทการลงทุน
- ประเภทธุรกิจ
- ประเภททำงาน
- ประเภทเหตุผลทางด้านมนุษยธรรม ซึ่งประกอบด้วย
- กรณีคู่สมรสให้การอุปการะ หรือขอรับการอุปการะจากคู่สมรสชาวไทย หรือที่ได้รับอนุญาตให้มีถิ่นที่อยู่ในไทยแล้ว
- กรณีบุตรให้การอุปการะ หรือขอรับการอุปการะจากบิดาหรือมารดาชาวไทย หรือที่ได้รับอนุญาตให้มีถิ่นที่อยู่ในไทยแล้ว
- กรณีบิดาหรือมารดาให้การอุปการะ หรือขอรับการอุปการะจากบุตรชาวไทย หรือที่ได้รับอนุญาตให้มีถิ่นที่อยู่ในไทยแล้ว
- กรณีผู้เชี่ยวชาญ
- กรณีพิเศษ แบบเฉพาะราย
เงื่อนไขการสมัครภายใต้ประเภทการลงทุน
- ผู้สมัครจะต้องมีการนำเงินมาลงทุนในประเทศไทยเป็นจำนวนไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท โดยมีหลักฐานจากธนาคารพาณิชย์ในไทยว่าได้มีการโอนเงินลงทุนมาจากต่างประเทศ
- การลงทุนนี้ต้องสร้างประโยชน์ให้กับประเทศไทย และมีหลักฐานในการลงทุนมาแสดง
- หลังจากได้รับอนุญาตให้มีถิ่นที่อยู่แล้ว ชาวต่างชาติจะต้องแสดงหลักฐานการลงทุนกับคณะกรรมการพิจารณาตรวจคนเข้าเมือง หรือเจ้าหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายภายในเดือนกันยายนของทุกปี เป็นเวลา 3 ปีติดต่อกัน
เงื่อนไขการสมัครภายใต้ประเภทธุรกิจ
- ผู้สมัครจะต้องมีตำแหน่งเป็นผู้บริหารในบริษัทที่จดทะเบียนในประเทศไทย โดยมีทุนจดทะเบียนไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท และเป็นผู้มีอำนาจในการลงนามอย่างน้อย 1 ปีจนถึงวันที่ยื่นคำร้อง
- ผู้สมัครจะต้องมีรายได้ไม่ต่ำกว่า 50,000 บาทต่อเดือน เป็นเวลาอย่างน้อย 2 ปีติดต่อกันจนถึงวันที่ยื่นคำร้อง โดยจะต้องแสดงหลักฐานการเสียภาษีเงินได้ส่วนบุคคลที่ถูกต้อง
- ธุรกิจนั้นจะต้องเป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจของประเทศไทยตามเงื่อนไขเฉพาะที่กำหนด
เงื่อนไขการสมัครภายใต้ประเภทการทำงาน
- ผู้สมัครจะต้องได้รับอนุญาตให้ทำงานในประเทศไทย (มีใบอนุญาตทำงาน) ไม่น้อยกว่า 3 ปีจนถึงวันที่ยื่นคำร้อง
- ผู้สมัครจะต้องทำงานในบริษัทที่ระบุไว้ไม่น้อยกว่า 1 ปีจนถึงวันที่ยื่นคำร้อง
- ผู้สมัครจะต้องมีรายได้ไม่ต่ำกว่า 80,000 บาทต่อเดือน เป็นเวลาอย่างน้อย 2 ปีติดต่อกันจนถึงวันที่ยื่นคำร้อง หรือมีการเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาไม่ต่ำกว่า 100,000 บาทเป็นเวลาอย่างน้อย 2 ปีติดต่อกันจนถึงวันที่ยื่นคำร้อง
เงื่อนไขการสมัครภายใต้ประเภทเหตุผลทางด้านมนุษยธรรม
1. คู่สมรสให้การอุปการะ หรือขอรับการอุปการะจากคู่สมรสชาวไทย
กรณีที่ผู้ให้การอุปการะทำงานในประเทศไทย:
- คู่สมรสจะต้องมีการจดทะเบียนกันตามกฎหมายเป็นเวลาอย่างน้อย 2 ปี และมีบุตรทางสายเลือดร่วมกัน ในกรณีที่ไม่สามารถมีบุตรได้ จะต้องแสดงหลักฐานทางการแพทย์จากโรงพยาบาล หากไม่มีหลักฐาน คู่สมรสจะต้องแต่งงานกันตามกฎหมายมาแล้วไม่ต่ำกว่า 5 ปีจนถึงวันที่ยื่นคำร้อง
- คู่สมรสฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งหรือทั้งสองฝ่ายร่วมกันต้องมีรายได้เพียงพอต่อการให้อุปการะ โดยจะต้องมีรายได้ไม่ต่ำกว่า 30,000 บาทต่อเดือน เป็นเวลาอย่างน้อย 2 ปีติดต่อกันจนถึงวันที่ยื่นคำร้อง และต้องแสดงหลักฐานการเสียภาษีที่ถูกต้อง
กรณีที่ผู้ให้การอุปการะเป็นผู้สูงอายุ:
- ผู้สมัครจะต้องมีอายุตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไป ณ วันที่ยื่นคำร้อง
- คู่สมรสจะต้องมีการจดทะเบียนกันตามกฎหมายเป็นเวลาอย่างน้อย 2 ปีจนถึงวันที่ยื่นคำร้อง
- ผู้ให้การอุปการะต้องมีรายได้ไม่ต่ำกว่า 65,000 บาทต่อเดือน เป็นเวลาอย่างน้อย 2 ปีติดต่อกันจนถึงวันที่ยื่นคำร้อง
2. บุตรให้การอุปการะ หรือขอรับการอุปการะจากบิดาหรือมารดาชาวไทย
กรณีบุตรเป็นผู้ให้การอุปการะแก่บิดาหรือมารดาชาวไทย:
- ผู้สมัครเป็นบุตรโดยสายเลือดของบิดาหรือมารดาชาวไทย
- บิดาหรือมารดามีอายุไม่ต่ำกว่า 50 ปี ณ วันที่ยื่นคำร้อง
- ผู้ให้การอุปการะต้องมีรายได้ไม่ต่ำกว่า 30,000 บาทต่อเดือน เป็นเวลาอย่างน้อย 2 ปีติดต่อกันจนถึงวันที่ยื่นคำร้อง และต้องแสดงหลักฐานการเสียภาษีที่ถูกต้อง
กรณีบุตรขอเป็นผู้รับความอุปการะจากบิดาหรือมารดาชาวไทย:
- ต้องเป็นบิดาหรือมารดาทางสายเลือด และต้องมีการจดทะเบียนสูติบัตรรับรองบุตร
- บุตรจะต้องเป็นโสด และมีอายุต่ำกว่า 20 ปี ในกรณีที่บุตรมีอายุ 20 ปีหรือมากกว่า ณ วันที่ยื่นคำร้อง จะต้องมีเหตุผลอันสมควรที่บุตรจะขอรับความอุปการะจากบิดาหรือมารดา เช่นบุตรกำลังเรียนอยู่ในระดับที่ไม่สูงกว่าปริญญาตรี หรือมีสุขภาพไม่แข็งแรงเป็นต้น โดยต้องมีหลักฐานที่เกี่ยวข้องมารองรับ
- ผู้ให้การอุปการะต้องมีรายได้ไม่ต่ำกว่า 30,000 บาทต่อเดือน เป็นเวลาอย่างน้อย 2 ปีติดต่อกันจนถึงวันที่ยื่นคำร้อง และต้องแสดงหลักฐานการเสียภาษีที่ถูกต้อง
3. บิดาหรือมารดาให้การอุปการะ หรือขอรับการอุปการะจากบุตรชาวไทย
กรณีบิดาหรือมารดาเป็นผู้ให้การอุปการะแก่บุตรชาวไทย
- ต้องเป็นบิดาหรือมารดาทางสายเลือด และต้องมีการจดทะเบียนสูติบัตรรับรองบุตร
- บุตรจะต้องเป็นโสด และมีอายุต่ำกว่า 20 ปี ในกรณีที่บุตรมีอายุ 20 ปีหรือมากกว่า ณ วันที่ยื่นคำร้อง จะต้องมีเหตุผลอันสมควรที่บุตรจะขอรับความอุปการะจากบิดาหรือมารดา เช่นบุตรกำลังเรียนอยู่ในระดับที่ไม่สูงกว่าปริญญาตรี หรือมีสุขภาพไม่แข็งแรง เป็นต้น โดยต้องมีหลักฐานที่เกี่ยวข้องมารองรับ
- ผู้ให้การอุปการะต้องมีรายได้ไม่ต่ำกว่า 30,000 บาทต่อเดือน เป็นเวลาอย่างน้อย 2 ปีติดต่อกันจนถึงวันที่ยื่นคำร้อง และต้องแสดงหลักฐานการเสียภาษีที่ถูกต้อง
กรณีบิดาหรือมารดาขอเป็นผู้รับความอุปการะจากบุตรชาวไทย:
- ต้องเป็นบิดาหรือมารดาทางสายเลือด
- บิดาหรือมารดามีอายุไม่ต่ำกว่า 50 ปี ณ วันที่ยื่นคำร้อง
- ผู้ให้การอุปการะต้องมีรายได้ไม่ต่ำกว่า 30,000 บาทต่อเดือน เป็นเวลาอย่างน้อย 2 ปีติดต่อกันจนถึงวันที่ยื่นคำร้อง และต้องแสดงหลักฐานการเสียภาษีที่ถูกต้อง
4. เงื่อนไขการสมัครภายใต้ประเภทผู้เชี่ยวชาญ:
- ผู้สมัครต้องจบการศึกษาระดับปริญญาตรีเป็นอย่างต่ำ และมีความรู้ความสามารถที่เป็นที่ต้องการหรือมีประโยชน์ต่อประเทศไทย
- ผู้สมัครต้องแสดงหนังสือรับรองจากหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้อง
- ผู้สมัครต้องแสดงหนังสือรับรองการทำงานที่ระบุว่าได้มีการปฏิบัติหน้าที่นั้นเป็นเวลาไม่ต่ำกว่า 3 ปีติดต่อกันจนถึงวันที่ยื่นคำร้อง
5. เงื่อนไขการสมัครภายใต้กรณีพิเศษ แบบเฉพาะราย:
- ผู้สมัครจะต้องเคยสร้างประโยชน์ให้กับประเทศไทย รัฐบาลไทย หรือได้รับเลือกจากสถาบันที่ได้รับการยอมรับในระดับประเทศว่ามีผลงานที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศไทย โดยมีหลักฐานที่เกี่ยวข้องมาแสดง
- เงื่อนไขอื่นๆตามความเหมาะสมที่กำหนดโดยคณะกรรมการพิจารณาคนเข้าเมือง
กระบวนการหลังการยื่นคำร้อง และการสัมภาษณ์
หลังยื่นคำร้องต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว เจ้าหน้าที่จะอนุญาตให้ผู้สมัครอยู่ในประเทศไทยได้ครั้งละไม่เกิน 180 วันเพื่อรอฟังผล จนกว่าจะมีการประกาศผลการพิจารณาอย่างเป็นทางการ
ผู้สมัครจะได้รับการนัดหมายเพื่อสัมภาษณ์ โดยที่ผู้สมัครจะต้องแสดงความรู้และทักษะด้านภาษาไทย และหากผู้สมัครไม่แสดงตนในวันนัดหมายโดยไม่มีเหตุผลอันสมควร จะถือว่าคำร้องนั้นเป็นโมฆะ
เมื่อได้รับการอนุมัติให้มีถิ่นที่อยู่ในประเทศไทยแล้ว ผู้สมัครจะสามารถมีทะเบียนบ้านที่นำไปขึ้นทะเบียนที่อยู่ของตนได้ และจากนั้นจะสามารถดำเนินการขอใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวได้จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ค่าสมัคร และค่าธรรมเนียมอื่นๆ:
- ค่ายื่นคำร้อง 7,600 บาท (ไม่สามารถขอคืนได้)
- หากได้รับอนุญาตให้มีถิ่นที่อยู่ ผู้สมัครจะต้องชำระเงินค่าใบสำคัญถิ่นที่อยู่จำนวน 191,400 บาท
- ในกรณีที่ผู้ได้รับอนุญาตเป็นคู่สมรส บิดาหรือมารดา หรือบุตรที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปีของผู้มีสัญชาติไทย หรือผู้ที่ได้รับอนุญาตให้มีถิ่นที่อยู่ในไทยแล้ว จะต้องชำระเงินค่าใบสำคัญถิ่นที่อยู่จำนวน 95,700 บาท
สถานที่ยื่นคำร้อง:
ในกรุงเทพฯ: กองกำกับการ 1 กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 1 (งานขอมีถิ่นที่อยู่) ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ (อาคารบี) ชั้น 2 ด้านทิศใต้
เลขที่ 120 หมู่ที่ 3 ถนนแจ้งวัฒนะ 7 แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร
ในจังหวัดอื่นๆ: ณ ที่ทำการตรวจคนเข้าเมืองในท้องที่ที่ตนอยู่ หรือจังหวัดใกล้เคียง
แม้กระบวนการและการเตรียมเอกสารเพื่อขอมีถิ่นที่อยู่ถาวรในประเทศไทยจะค่อนข้างซับซ้อน แต่ผู้ที่ได้รับอนุญาตจะได้รับสิทธิประโยชน์มากมายที่จะทำให้การใช้ชีวิตในประเทศไทยสะดวกสบายขึ้น โปรดติดต่อเราหากท่านมีคำถามหรือต้องการความช่วยเหลือใดๆ
Thailand Visas | ||
1 Year Thai Visa | Thai Retirement Visa | Thai Marriage Visa |
Thai Business Visa | 90 Day Thai Visa | Thailand Elite Visas |
Thai Permanent Residency | Visa on Arrival |
Call Us:
Local Office Numbers: | |
Bangkok: | 02-254-8900 |
Phuket: | 084-021-9800 |
Chiang Mai: | 053-818-306 |
Pattaya: | 084-021-9800 |
International Numbers: | |
US: | 1 (877) 252-8831 |
Thailand: | +66 2254-8900 |