การหย่าในประเทศไทย
การหย่าร้างในประเทศไทยเป็นการสิ้นสุดการสมรสหรือพันธะของการสมสซึ่งมักจะนำมาซึ่งการสิ้นสุดความรับผิดชอบและหน้าที่ตามกฎหมายของคู่สมรสภายใต้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ของประเทศไทย
อัตราการหย่าร้างในประเทศไทยเพิ่มขึ้นในช่วงทศวรรษที่ผ่านมาจาก 27 เปอร์เซ็นต์ในปีพ.ศ. 2549 เป็น 39 เปอร์เซ็นต์ในปีพ.ศ. 2559 มากกว่าหนึ่งในสามของคู่รักชาวไทยที่จดทะเบียนสมรสในปีพ.ศ. 2559 ได้ยื่นฟ้องหย่าในประเทศไทยในปีเดียวกันนั้น
การหย่าร้างในประเทศไทยมี 2 ประเภท คือการหย่าร้างแบบมีการโต้แย้งซึ่งมักจะมีค่าใช้จ่ายสูงมาก และการหย่าร้างแบบไม่มีการโต้แย้งซึ่งมีค่าใช้จ่ายที่ถูกกว่า และปกติจะเรียกว่าการหย่าร้างทางปกครอง หรือการหย่าโดยความยินยอมพร้อมใจของทั้งสองฝ่าย ปรึกษาทนายความการหย่าร้างในประเทศไทยเพื่อขอคำแนะนำทางกฎหมายก่อนลงนามในข้อตกลงเกี่ยวกับการหย่าของคุณในประเทศไทย
การหย่าร้างแบบไม่มีการโต้แย้งในประเทศไทย
การหย่าร้างแบบไม่มีการโต้แย้ง คือรูปแบบการหย่าร้างในประเทศไทย เป็นการหย่าร้างด้วยความยินยอมร่วมกันทั้งสองฝ่าย และเป็นที่นิยมมากกว่าเพราะรวดเร็วทันใจ สำหรับการหย่าประเภทนี้ในประเทศไทย คู่สมรสไม่จำเป็นต้องมีเหตุหย่าตามกฎหมายเพื่อที่จะหย่า ข้อตกลงร่วมกันของคู่สมรสในการสิ้นสุดการสมรสก็เพียงพอแล้ว สามีและภรรยาต้องไปปรากฏตัวด้วยตนเองเมื่อยื่นขอหย่าแบบไม่มีการโต้แย้ง ดำเนินการที่สำนักงานทะเบียนท้องที่ที่เรียกว่าอำเภอหรือเขต
สิ่งที่ต้องการสำหรับการหย่าร้างแบบไม่มีการโต้แย้ง
สิ่งที่ต้องการเป็นหลักสำหรับการหย่าร้างแบบไม่มีการโต้แย้งในประเทศไทย หรือการหย่าร้างผ่านฝ่ายปกครองในไทย คือต้องจดทะเบียนสมรสตามกฎหมายในประเทศไทยและได้รับการจดทะเบียนสมรสอย่างถูกต้องภายใต้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ของไทย เอกสารที่ต้องยื่นมีดังนี้
หากกลับมาดำเนินการหย่าที่ที่ว่าการอำเภอเดิมหรือเขตที่เคยจดทะเบียนสมรส
- ทะเบียนสมรสตัวจริงทั้งสองฉบับ
- บัตรประชาชนตัวจริงสำหรับบุคคลสัญชาติไทย
- ทะเบียนบ้านของบุคคลสัญชาติไทย
- หนังสือเดินทางตัวจริงสำหรับบุคคลชาวต่างชาติ
หากดำเนินการหย่าที่อำเภอ หรือเขต หรือที่ว่าการอำเภออื่น
- ทะเบียนสมรสตัวจริงทั้งสองฉบับ
- บัตรประชาชนตัวจริงสำหรับบุคคลสัญชาติไทย
- ทะเบียนบ้านของบุคคลสัญชาติไทย
- หนังสือเดินทางตัวจริงสำหรับบุคคลชาวต่างชาติ
- สำเนาหนังสือเดินทางของคนชาติ แปลและรับรองตามกฎหมาย
การหย่าแบบมีการโต้แย้งในประเทศไทย
การหย่าร้างแบบมีการโต้แย้งคือการหย่าผ่านทางศาลหรือหย่าที่ศาล คู่สมรสฝ่ายหนึ่งจะได้รับการร้องขอให้ไปศาลเพื่อยุติการสมรสของเขา/เธอ หากมีเหตุหย่าใด ๆ ภายใต้กฎหมายไทย โดยปกติแล้วจะนำมาใช้หากมีเหตุหย่าที่ชัดเจน แต่มีคู่สมรสฝ่ายเดียวเท่านั้นที่ต้องการให้การสมรสสิ้นสุดลง หรือหากคู่สมรสฝ่ายหนึ่งหายไป และการหายไปนั้นส่งผลเสียต่อคู่สมรสอีกฝ่ายหนึ่ง อีกเหตุหนึ่งที่ใช้กับการหย่าร้างประเภทคือ หากมีความขัดแย้งในการดูแลบุตร และการแบ่งสินสมรส ซึ่งสมรสไม่สามารถตกลงกันได้ และจำเป็นต้องมีการแทรกแซงจากศาลเพื่อยุติการสมรสและปัญหาที่เกี่ยวข้อง การหย่าที่มีข้อโต้แย้งยังเป็นการเยียวยาสำหรับคู่สมรสบางคู่ที่ไม่ได้จดทะเบียนสมรสในประเทศไทยแต่อาศัยอยู่ หรือทำงานในประเทศไทยมาเป็นระยะเวลาที่เหมาะสม
เหตุแห่งการหย่าในประเทศไทย
กรณีที่สามีและภริยาไม่สามารถตกลงกันได้ในข้อกำหนดและเงื่อนไขการหย่าที่คู่สรมอีกฝ่ายหนึ่งต้องการ คู่สมรสอีกฝ่ายหนึ่งสามารถยื่นคำฟ้องขอหย่าได้ โดยมีเหตุตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ต่อศาลที่เกี่ยวข้องตาม ตามมาตรา 1516 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ เหตุแห่งการหย่ามีดังนี้
- สามีหรือภริยาอุปการะเลี้ยงดูหรือยกย่องผู้อื่นฉันภริยาหรือสามี เป็นชู้หรือมีชู้ หรือร่วมประเวณีกับผู้อื่นเป็นอาจิณ อีกฝ่ายหนึ่งฟ้องหย่าได้
- สามีหรือภริยาประพฤติชั่ว ไม่ว่าความประพฤติชั่วนั้นจะเป็นความผิดอาญาหรือไม่ ถ้าเป็นเหตุให้อีกฝ่ายหนึ่ง
- ได้รับความอับอายขายหน้าอย่างร้ายแรง
- ได้รับความดูถูกเกลียดชังเพราะเหตุที่คงเป็นสามีหรือภริยาของฝ่ายที่ประพฤติชั่วอยู่ต่อไป หรือ
- ได้รับความเสียหายหรือเดือดร้อนเกินควร ในเมื่อเอาสภาพ ฐานะและความเป็นอยู่ร่วมกันฉันสามีภริยามาคำนึงประกอบอีกฝ่ายหนึ่งนั้นฟ้องหย่าได้
- สามีหรือภริยาทำร้าย หรือทรมานร่างกายหรือจิตใจ หรือหมิ่นประมาทหรือเหยียดหยามอีกฝ่ายหนึ่งหรือบุพการีของอีกฝ่ายหนึ่ง ทั้งนี้ ถ้าเป็นการร้ายแรง อีกฝ่ายหนึ่งนั้นฟ้องหย่าได้
- สามีหรือภริยาจงใจละทิ้งร้างอีกฝ่ายหนึ่งไปเกินหนึ่งปี อีกฝ่ายหนึ่งนั้นฟ้องหย่าได้
- สามีหรือภริยาต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก และได้ถูกจำคุกเกินหนึ่งปีในความผิดที่อีกฝ่ายหนึ่งมิได้มีส่วนก่อให้เกิดการกระทำความผิดหรือยินยอมหรือรู้เห็นเป็นใจในการกระทำความผิดนั้นด้วย และการเป็นสามีภริยากันต่อไปจะเป็นเหตุให้อีกฝ่ายหนึ่งได้รับความเสียหายหรือเดือนร้อนเกินควร อีกฝ่ายหนึ่งนั้นฟ้องหย่าได้
- สามีและภริยาสมัครใจแยกกันอยู่เพราะเหตุที่ไม่อาจอยู่ร่วมกันฉันสามีภริยาได้โดยปกติสุขตลอดมาเกินสามปี หรือแยกกันอยู่ตามคำสั่งของศาลเป็นเวลาเกินสามปี ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งฟ้องหย่าได้
- สามีหรือภริยาถูกศาลสั่งให้เป็นคนสาบสูญ หรือไปจากภูมิลำเนาหรือถิ่นที่อยู่เป็นเวลาเกินสามปีโดยไม่มีใครทราบแน่ว่าเป็นตายร้ายดีอย่างไร อีกฝ่ายหนึ่งฟ้องหย่าได้
- สามีหรือภริยาไม่ให้ความช่วยเหลืออุปการะเลี้ยงดูอีกฝ่ายหนึ่งตามสมควรหรือทำการเป็นปฏิปักษ์ต่อการที่เป็นสามีหรือภริยากันอย่างร้ายแรง ทั้งนี้ ถ้าการกระทำนั้นถึงขนาดที่อีกฝ่ายหนึ่งเดือดร้อนเกินควรในเมื่อเอาสภาพ ฐานะและความเป็นอยู่ร่วมกันฉันสามีภริยามาคำนึงประกอบ อีกฝ่ายหนึ่งนั้นฟ้องหย่าได้
- สามีหรือภริยาวิกลจริตตลอดมาเกินสามปี และความวิกลจริตนั้นมีลักษณะยากจะหายได้ กับทั้งความวิกลจริตถึงขนาดที่จะทนอยู่ร่วมกันฉันสามีภริยาต่อไปไม่ได้ อีกฝ่ายหนึ่งฟ้องหย่าได้
- สามีหรือภริยาผิดทัณฑ์บนที่ทำให้ไว้เป็นหนังสือในเรื่องความประพฤติ อีกฝ่ายหนึ่งฟ้องหย่าได้
- สามีหรือภริยาเป็นโรคติดต่ออย่างร้ายแรงอันอาจเป็นภัยแก่อีกฝ่ายหนึ่งและโรคมีลักษณะเรื้อรังไม่มีทางที่จะหายได้ อีกฝ่ายหนึ่งนั้นฟ้องหย่าได้
- สามีหรือภริยามีสภาพแห่งกายทำให้สามีหรือภริยานั้นไม่อาจร่วมประเวณีได้ตลอดกาล อีกฝ่ายหนึ่งฟ้องหย่าได้
วิธีการยื่นฟ้องหย่าที่แบบมีการโต้แย้งในประเทศไทย
การเตรียมคดีหย่า
คู่สมรสฝ่ายที่เสียหายในการสมรสจะยื่นคำฟ้องต่อศาล โจทก์ต้องระบุเหตุในการหย่า สิ่งสำคัญคือต้องสามารถพิสูจน์ได้ว่ามีเหตุหย่าตามกฎหมาย ด้วยความช่วยเหลือของทนายความด้านการหย่า ผู้ยื่นคำฟ้องจะทราบว่าตนมีหลักฐานเพียงพอที่จะพิสูจน์ข้อเรียกร้องของตนต่อคู่สมรสหรือไม่ จำไว้ว่าคดีจะสามารถยืนหยัดอยู่ได้แม้ว่าคู่สมรสจะเต็มใจยอมรับข้อกล่าวหา หรือวางแผนจะโต้แย้งคำฟ้องก็ตาม
การฟ้องหย่าและชำระค่าธรรมเนียมศาล
เมื่อคำฟ้องพร้อมแล้ว โจทก์พร้อมกับทนายความครอบครัวชาวไทย อาจยื่นคำร้องต่อศาลครอบครัวที่เหมาะสม จะต้องชำระค่าธรรมเนียมศาลก่อนที่จะประทับรับฟ้องได้ หากคำฟ้องหย่ามาพร้อมกับการเรียกร้องในสินสมรส ค่าธรรมเนียมศาลจะถูกคำนวณเป็น 2% ของจำนวนเงินทั้งหมดของการเรียกร้อง ค่าธรรมเนียมที่ต้องชำระอีกประการหนึ่งคือค่าธรรมเนียมการส่งหมายของศาล เพื่อส่งหมายเรียกให้ผู้ถูกฟ้อง จำนวนเงินสำหรับการจัดส่งหมายอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับที่อยู่ของผู้ถูกฟ้อง ส่วนที่เหลือจากค่าธรรมเนียมศาลจะถูกส่งคืนให้โจทก์ภายใน 30 วันหลังจากมีคำพิพากษา
บริการหมายเรียกสำหรับคำฟ้องหย่า
การส่งหมายเรียกจะดำเนินการเมื่อศาลมีเขตอำนาจเหนือบุคคลของผู้ถูกฟ้อง นอกจากนี้ยังเป็นไปตามข้อกำหนดของ กระบวนการทางกฎหมาย ซึ่งผู้ถูกกล่าวหาจะได้รับโอกาสในการทำความเข้าใจในกรณีที่เขาถูกยื่นฟ้อง
หากอยู่ในประเทศไทย บริการการส่งหมายเรียกจะดำเนินการโดยบุคคลหรือทางไปรษณีย์ลงทะเบียน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับวิธีการส่งหมายเรียก ผู้ถูกฟ้องจะได้รับระยะเวลาที่แน่นอนในการยื่นคำให้การต่อคำฟ้องนั้น
การไม่มาต่อสู้คดีและการขาดนัด
ภายในจำนวนวันที่กำหนด ผู้ถูกฟ้องจะต้องส่งคำให้การของตนต่อคำฟ้องที่ยื่นฟ้องต่อศาลไทย หากมิได้ยื่นคำให้การ อาจทำให้โจทก์ยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อขอให้ศาลมีคำสั่งให้ผู้ถูกฟ้อง/จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ และผู้ถูกฟ้องอาจสูญเสียโอกาสทั้งหมดในอนาคตที่จะแก้ต่างในข้อกล่าวหาที่เกิดขึ้นกับเขาในคดีหย่าร้าง เขาหรือเธอไม่สามารถส่งเอกสารหรือให้การเป็นพยานคัดค้านการเรียกร้องของผู้ฟ้อง/โจทก์ได้อีกต่อไป
การปรากฏตัวที่สถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน
หากสามีและภรรยาที่หย่าร้างมีบุตรร่วมกันในวัยที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ พวกเขาจะถูกเรียกให้ไปปรากฏตัวต่อหน้าสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนในระหว่างการปรากฏตัว เจ้าหน้าที่จะเชิญทั้งบิดาและมารดาไปพบกับเจ้าหน้าเพื่อหารือเกี่ยวกับวิธีคุ้มครองสวัสดิภาพเด็กหากมีการหย่าร้าง
วันนัดก่อนพิจารณาคดีหย่าครั้งแรก
วันนัดก่อนพิจารณาครั้งแรกเป็นโอกาสแรกที่สามีและภรรยาและทนายความจะได้พบกันในศาลที่จะพิจารณาคดี วัตถุประสงค์หลักของการวันนัดก่อนพิจารณาครั้งแรก คือการกำหนดประเด็นข้อพิพาทในระหว่างการพิจารณาที่เหมาะสม นอกจากนี้ยังเป็นเวลาสำหรับคู่ความที่จะยุติข้อขัดแย้ง หรือสำหรับฝ่ายที่ทำผิดต้องยอมรับข้อกล่าวหา ในระหว่างกระบวนการนี้ คู่ความอาจเสนอข้อตกลงประนีประนอมหรือระงับข้อพิพาทที่เกี่ยวข้องกับการแบ่งปันการดูแลบุตรและสินสมรสต่อศาล หากผู้พิพากษาพบว่าสัญญาประนีประนอมนั้นยุติธรรมและได้ทำขึ้นโดยสมัครใจ ผู้พิพากษาอาจสั่งให้มีการสรุปคดีและตัดสินตามสัญญาประนีประนอมยอมความของคู่สมรส
นัดพิจารณา
หากคู่ความไม่สามารถตกลงกันได้ระหว่างช่วงก่อนการพิจารณาคดี จะมีการพิจารณาไต่สวนคดีการหย่าร้างที่เหมาะสมตามมา โดยปกตินัดพิจารณาคดีจะมีกำหนดภายในระยะเวลา 60 วันนับจากวันที่ยื่นคำฟ้อง
หลักฐานและคำให้การจากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งหรือทั้งสองฝ่ายจะได้รับการยอมรับและรับฟังจากศาล บนพื้นฐานของการส่งและคำให้การที่นำเสนอ ผู้พิพากษาจะตัดสินใจว่าเหตุที่เลือกสำหรับการหย่าร้างมีอยู่หรือไม่ พร้อมกับประเด็นเกี่ยวกับการแบ่งปันการดูแลบุตร การเลี้ยงดูบุตร และสินสมรส
คำพิพากษา
คำพิพากษาของศาลจะออกเป็นระยะเวลาวันหรือสัปดาห์หลังจากการยื่นคำให้การ หรือการพิจารณาคดีครั้งสุดท้ายในศาล หากไม่มีการอุทธรณ์ภายในเวลาที่เหมาะสม โดยฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งหรือทั้งสองฝ่ายในคดีภายใน 30 วันหลังจากอ่านคำพิพากษา คำพิพากษาดังกล่าวถือเป็นที่สุด
การหย่าร้างระหว่างคนไทย
คู่รักชาวไทยมักจะยุติการสมรสด้วยการหย่าร้างแบบไม่มีข้อโต้แย้ง พวกเขาชอบทางเลือกนี้เพราะเป็นการหลีกเลี่ยงความขัดแย้งระหว่างสามีและภรรยา ตลอดจนครอบครัวของพวกเขาเท่าที่พวกเขาจะทำได้ คู่รักชาวไทยจะจัดการกับปัญหาเรื่องการแบ่งปันการดูแลบุตรและสินสมรสเป็นการส่วนตัว เฉพาะในกรณีที่ไม่สามารถประนีประนอมได้อีกต่อไปพวกเขาปรึกษากับทนายความเพื่อช่วยในการร่างข้อตกลงการหย่าร้างซึ่งพวกเขาจะจดทะเบียนหย่า ณ ที่ว่าการอำเภอ เมื่อพวกเขาหย่าร้างในประเทศไทย
การหย่าร้างระหว่างคนไทยและต่างชาติ
การเติบโตในในแง่ของการค้าและการท่องเที่ยวอย่างรวดเร็วของประเทศไทยสู่โลก ส่งผลให้มีการสมรสระหว่างชาวไทยและชาวต่างชาติมากมาย น่าเสียดายที่ความแตกต่างระหว่างวัฒนธรรมและภาษาทำให้ความสัมพันธ์บางอย่างตึงเครียด และการหย่าร้างกลายเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ในกรณีนี้
เกือบทุกครั้ง คู่สมรสชาวไทยจะได้รับคำแนะนำให้หย่าร้างแบบไม่มีข้อโต้แย้ง หากการจดทะเบียนสมรสเกิดขึ้นในประเทศไทย เนื่องจากการหย่าร้างที่ไม่มีการโต้แย้งเป็นที่รู้จักและเป็นที่ชื่นชอบของคนไทยมากกว่า ชาวต่างชาติจะต้องระวังเป็นพิเศษก่อนที่จะดำเนินการหย่าแบบไม่มีการโต้แย้ง เหตุผลก็คือ ไม่ใช่ทุกประเทศที่ยอมรับรูปแบบการหย่าร้างนี้ หลายประเทศในขณะนี้ยอมรับการหย่าร้างแบบไม่มีการโต้แย้ง แต่ภายใต้สถานการณ์พิเศษเท่านั้น มันอาจก่อให้เกิดปัญหามากขึ้นโดยเฉพาะหากชาวต่างชาติมีแผนจะสมรสใหม่
การหาทนายความครอบครัวชาวไทย ที่มีประสบการณ์เกี่ยวกับกฎหมายระหว่างประเทศสำหรับการหย่าร้างของคุณในประเทศไทยนั้น เป็นสิ่งที่จำเป็นในการแก้ไขปัญหาที่ซับซ้อนด้วยกฎหมายที่เกี่ยวข้องในเขตอำนาจศาลต่างประเทศ
Call Us:
Local Office Numbers: | |
Bangkok: | 02-254-8900 |
Phuket: | 076-326-322 |
Chiang Mai: | 053-818-306 |
Pattaya: | 084-021-9800 |
International Numbers: | |
US: | 1-877-252-8831 |
Thailand: | +66 2254-8900 |